Wednesday, September 26, 2012

ปกป้องบ้านจากรังสียูวี Sun Protection

บ้านของคุณเก่าได้อย่างไร?

หลายคนที่เคยสังเกตและเกิดความสงสัยว่า บ้านของตัวเอง ทำไมถึงแลดูเก่าและโทรมอย่างรวดเร็ว? สาเหตุที่บ้านของคุณแลดูเก่าและโทรมก็มาจากผนังบ้านของคุณมีสีซีดลง เมื่อลองมองเปรียบเทียบกับบ้านใหม่ๆ ก็จะเห็นได้ชัดเจน สาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้สีทาผนังบ้านซีดลงก็คือ รังสียูวี (UV: Ultraviolet) รังสียูวีที่มาพร้อมกับแสงอาทิตย์จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทาเคมีของสีทาผนัง ทำให้ผนังกลายไปเป็นสีเหลืองซีดๆ ไม่สดเหมือนกับบ้านที่เพิ่งทาสีเสร็จใหม่ๆ นั่นเอง

โดยปกติแล้วไม่ว่าจะเป็นสีทาภายนอกหรือ สีทาภายใน เมื่อใช้งานไปสักระยะสีก็จะเริ่มซีดลง และโดยเฉลี่ยเมื่อใช้งานไปประมาณ 5-10 ปี ชั้นของฟิล์มสีก็จะเริ่มเสื่อมสภาพ และไม่สามารถจะปกป้องพื้นผิวอีกต่อไป และเมื่อรังสียูวีสามารถทะลุผ่านชั้นของฟิล์มสีเข้าไปได้ รังสียูวีก็ยังสามารถทำให้พื้นผิววัสดุของบ้านเกือบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น พื้นผิวไม้ พื้นผิวยิปซัม พื้นผิวคอนกรีต ให้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างเกิดการเสื่อมสภาพของพื้นผิว เปราะและผุพังได้เร็วขึ้น ดังนั้นสีจึงมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องบ้านของเราให้ยืนยาว

จากความรุดหน้าของอุตสาหกรรมสีทาผนัง อาคารทำให้มีการคิดค้นสี อย่างเช่น สี SuperShield Titanium ซึ่งมีการใช้สารแต่งเติมที่มีส่วนประกอบของไททาเนียมทำให้ชั้นของฟิล์มสีที่ ทาลงบนผนังอาคารมีคุณสมบัติที่ดีขึ้น มีความเรียบกว่าสีทาผนังทั่วไป สามารถสะท้อนแสงยูวีที่มาพร้อมกับแสงอาทิตย์ได้มากขึ้น ทำให้สีไม่ซีดเหลืองง่ายๆ และชั้นฟิล์มสี SuperShield Titanium มีอายุยาวนานมากกว่า 15 ปี ก็จะทำให้เป็นการยืดอายุของพื้นผิวผนังอาคารออกไปด้วยเช่นกัน

หลายคนมักไม่ตระหนักถึงความสำคัญของสี เจ้าของบ้านหลายคนอาจสังเกตเห็นสีทาผนังบ้านของตัวเองเสื่อมสภาพและลอกร่อน ในบางส่วน แต่ก็ยังคงปล่อยทิ้งไว้เช่นนั้น เพราะคิดว่า รอให้เป็นเยอะๆ ก่อนแล้วจึงค่อยทำการทาสีบ้านใหม่ทั้งหลังในคราวเดียว ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด เพราะโดยปกติแล้วผนังปูนฉาบที่ก่อสร้างได้มาตรฐานจะมีอายุประมาณ 15-20 ปีหรือน้อยกว่านั้น หลังจากนั้นก็จะเสื่อมสภาพร่วนเป็นผงไม่เกาะตัว และทำให้การรั่วซึมของน้ำฝนเข้าไปภายในบ้านได้ แน่นอนครับว่าหากไม่มีสีทาผนังคอยทำหน้าที่ป้องกันรังสียูวีแล้ว อายุของปูนฉาบก็จะสั้นลง ทำให้มีโอกาสที่จะต้องสกัดปูนฉาบผนังเก่าออกและฉาบผนังใหม่เร็วยิ่งขึ้น ในมุมกลับกันหากเราเลือกใช้สีที่มีคุณภาพดีขึ้น แม้ว่าราคาจะสูงขึ้นไปอีกสักหน่อย ก็จะสามารถช่วยยืดระยะเวลาเสื่อมของผนังปูนฉาบออกไปได้หลายปี

ฟังผมเล่ามาสักพักหลายคนคงอยากรู้แล้ว ใช่ไหมครับว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสีทาผนังบ้านของเราเสื่อมสภาพแล้วหรือยัง? วิธีการตรวจสอบว่าถึงเวลาที่ต้องเตรียมตัวทาสีผนังบ้านใหม่ก็สามารถทำได้โดย ใช้ ฝ่ามือลูบไปบนผนังเบาๆ หากพบว่ามีฝุ่นสีติดมือออกมาด้วยก็แสดงว่าถึงเวลาเตรียมตัวเลือกสีใหม่ให้ กับบ้านได้แล้วละครับ

แม้ว่าขั้นตอนวิธีการทาสีจะไม่ใช่ เรื่องที่ยุ่งยากซับซ้อนอะไรนัก แต่สิ่งที่ยากยิ่งกว่าการทาสีก็คือความยุ่งยากในการเตรียมพื้นผิวของผนังให้ เรียบร้อยก่อนลงมือทาสี เพื่อให้ได้ผนังที่เรียบเนียน สำหรับผนังปูนใหม่คงไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนเท่าใดนัก แต่สำหรับผนังปูนเก่าซึ่งมีสีเดิมเกาะอยู่ การขัดลอกสีเก่าออกให้หมดเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและใช้เวลานานพอสมควรเลยที เดียว แต่ที่ยากที่สุดคงเป็นเรื่องของการเคลื่อนย้ายสิ่งของเพื่อเตรียมพื้นที่ สำหรับการทำงาน เพราะบ้านที่เราเข้าอยู่พักอาศัยแล้วจะมีสิ่งของเครื่องใช้มากมาย หากไม่มีการเคลื่อนย้ายก็จะทำให้การทาสีทำได้ด้วยความยากลำบาก

จากประสบการณ์เปลี่ยนสีบ้านครั้งที่ ผ่านมา ทำให้รู้ว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องวางแผนกันให้ดีว่าในขณะที่กำลังเปลี่ยน สีบ้านใหม่จะใช้ชีวิตกันอย่างไร ใช้ชีวิตในบ้านอย่างไร กินอย่างไร นอนอย่างไร เพราะสิ่งของเกือบทุกอย่างจะถูกเคลื่อนย้ายหรือไม่ก็ถูกคลุมด้วยพลาสติก เพื่อไม่ให้เปื้อนสี ดังนั้นคุณภาพของสีเป็นเรื่องที่จำเป็นเป็นอย่างยิ่ง เพราะคงจะเป็นการดีไม่น้อยเลยนะครับถ้าเราไม่ต้องเปลี่ยนสีบ้านกันบ่อยๆ



ขอบคุณที่มา  :  baanlaesuan.com/เรื่อง: ห้องสมุทร

0 comments:

Post a Comment

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Design by I love Color